หน้าเว็บ

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ONETม.6ปี2562

แบบทดสอบระดับชาติ
ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
*********************************

วิทยาศาสตร์ ONET  ม.6  ปี 2562
ข้อสอบO-netวิทยาศาสตร์ ปี 2562 พร้อมเฉลย.pdf
แบบทดสอบวิชาโลกดาราศาสตร์และอวกาศ ม.ปี กศ. 2560–2662.PPT

Youtube เฉลยข้อสอบ O NET ม.6 วิทยาศาสตร์ 2562 






วิทยาศาสตร์ONET  ม.6 ปี 2561
ข้อสอบO-net วิทยาศาสตร์ ปี61 พร้อมเฉลย .pdf
สรุปเสริมเนื้อหาโลกและธรณีวิทยา61 (PPT)
สรุปเสริมเนื้อหาดาราศาสตร์และอวกาศ61 (PPT)

ข้อ 45 - 46 https://youtu.be/b13hWUth5AE


ข้อ 47, 48, 49, 50, 57, 58   https://www.youtube.com/watch?v=997UBWsPT48




รวมไฟล์ข้อสอบวิทยาศาสตร์ ONET ม.6
ปีการศึกษา 2549 - 2560 


Youtube






รวบรวมและจัดทำโดย.....
นายวีระชัย  จันทร์สุข

วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

หินสีนำโชค

จากความเชื่อสมัยโบราณกลายมาเป็นกระแสอีกครั้ง เมื่อเหล่าดาราดังสวมใส่ ยิ่งทำให้ขายดิบขายดี แล้วแบบไหนคือของแท้ และจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามีพลังเสริมดวงชะตาได้จริงๆ !

เรื่องราวของ หินสีนำโชค ศาสตร์ของจีนโบราณ มีการใช้หินเพื่อการบำบัดโรคมานานแล้ว ในอียิปต์โบราณ กรีก และประเทศในเอเชียตะวันออกหลายแห่ง ก็มีหลักฐานแสดงถึงการนำหินมาใช้ในการรักษาโรค โดยมีหลักฐานเก่าแก่ที่กล่าวอ้างถึงการรักษาสุขภาพ ปรากฏอยู่บนกระดาษปาปิรุสของอียิปต์ที่มีอายุราว 1,500 ปีก่อนคริสตกาล โดยเขียนถึงการรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีวิธีการใช้หินและรัตนชาติเพื่อการบำบัดอยู่ด้วย รวมทั้งการใช้หินเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องสำอาง อย่างเช่น พระนางคลีโอพัตราที่นิยมนำหินสีเขียวมาบดละเอียดทำเครื่องสำอางเปลือกหิน เป็นต้น

ส่วนชาวตะวันตกเมื่อพูดถึง "หิน" จะหมายรวมไปถึงเพชรด้วย แต่คนไทยมักจะแบ่งลักษณะความมีค่าเป็นหินรัตนชาติและความนิยม ความนิยมของหินจะขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละประเทศ เช่น ประเทศเปรู จะนิยมหินสีดำที่ได้จากพื้นดินที่ดำสนิทเท่านั้น ซึ่งหมายถึงความมั่นคงของประเทศชาติ ลักษณะของหินที่ว่าจะคล้ายกับหินภูเขาไฟ ยิ่งมีรูพรุน มีการกัดเซาะของน้ำและลม ยิ่งสื่อถึงความแข็งแกร่งของวัฒนธรรมของเขา ส่วนใหญ่จะใช้ในการรักษาโรค รวมทั้งเป็นเครื่องประดับ หรือในมลรัฐอริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา จะมองว่าเทอร์คอยซ์เป็นผืนฟ้าของเขา จึงนับถือเป็นที่สุด

ในโบราณกาล "หิน" เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงสถานภาพของผู้สวมใส่ว่าอยู่ในระดับใด อย่างที่ประเทศธิเบต จะมีหินอยู่ 3 ชนิดที่ใครมีไว้ในครอบครอง จะหมายถึงการเป็นผู้ที่มีสถานภาพทางสังคมที่สูง (ในระดับเสนาบดีขึ้นไป) หินทั้ง 3 ชนิดนี้คือ เทอคอยซ์  อำพัน และปะการัง ในวันที่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เสด็จมาเยือนประเทศไทย จะเห็นว่าแม้แต่พระราชินีของภูฏานก็จะสวมหินทั้งสามชนิดนี้ ในประเทศไทยเอง เมื่อก่อนก็นิยมเครื่องประดับอัญมณีที่เรียกว่า "นพเก้า" ประกอบด้วย เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน นิล มุกดา เพทาย และไพฑูรย์ มาทำเป็นหัวแหวน จี้สร้อยคอ สร้อยข้อมือ และต่างหู สวมใส่กันเป็นชุดใหญ่

สีของหินเกิดจากอะไร?
              ขึ้นชื่อว่าหินสี เรื่องสีจึงเป็นสิ่งสำคัญแต่หินแบบที่ใสไม่มีสีก็มี สีที่แตกต่างกันของหินเกิดจากสีในแร่ที่แตกต่างกัน โดยธาตุให้สีอาจเป็นองค์ประกอบในสูตรเคมีของแร่ ถ้าเป็นแร่ชนิดเดียวกันจะทำให้เกิดสีสันสวยงามที่ความเข้มระดับแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปริมาณแร่สี แต่ถ้าเกิดแร่นั้นเข้าไปอยู่กับเนื้อหินหรือเนื้อแร่ที่เป็นคนละชนิดกัน แร่นั้นจะถูกเรียกว่า "มลทิน" หรือขยะที่อยู่ในหิน ซึ่งพวกเรามักรู้จักกันดีในชื่อของ “ไหมทอง” ที่เกิดจากแร่รูไทล์เข้าไปอยู่ในแร่ควอตซ์เกิดเป็นเส้นสีทองสวยงาม สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหินบางประเภทได้ ทั้งที่ความจริงแล้วเราเรียกว่ามันว่าสิ่งสกปรก"

วิธีแยกหินสีของจริง-ของปลอม
หินสีที่มีอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ มีทั้งหินสีธรรมชาติที่เป็นของจริง หินสีปลอมที่ทำจากแก้ว เรซิ่น และพลาสติก ซึ่งมีวิธีเบื้องต้นสำหรับตรวจสอบดังนี้
              1.ใช้ลูปส่องพระ ขนาดกำลังขยาย 10 เท่าส่องเข้าไปที่เม็ดหิน หากเป็นหินปลอมที่ทำขึ้นจากแก้วหรือเรซิ่น ภายในจะเต็มไปด้วยฟองอากาศขนาดเล็กเต็มไปหมด ที่เกิดจากกระบวนการหล่อของโรงงานที่สามารถยืนยันได้ทันทีว่าหินนี้เป็นของปลอม
              2.เมื่อนำไปตากแดดแล้วนำมาสัมผัส หรือนำมาอังไว้ที่แก้ม หินสีธรรมชาติจะยังคงความเย็นอยู่ ในขณะที่แก้วหรือเรซิ่นจะร้อน เพราะมีคุณสมบัติในการดูดความร้อน
              3.ดูเส้นไหล หินปลอมจากพลาสติกหรือแก้วจะมีเส้นไหล ที่มีลักษณะเหมือนเป็นลายน้ำเชื่อมที่เกิดจากการหลอมของพลาสติก ซึ่งจะไม่พบในหินแท้จากธรรมชาติ
              4.ดูแนวเชื่อม ถ้าหากมีแนวเชื่อมของเม็ดหินแสดงว่าเป็นหินปลอมที่เกิดจากเครื่องหล่อที่ไม่มีประสิทธิภาพ
              5.ดูลวดลาย หากลวดลายหรือตำหนิบนหินมีลักษณะเหมือนๆ กัน หรือตรงกันทุกจุด ก็สันนิษฐานได้ทันทีว่ามาจากโรงงาน เพราะหินในธรรมชาติแทบจะไม่มีก้อนไหนเลยที่มีลักษณะเหมือนกัน
              6.ราคาอาจใช้เทียบไม่ได้ เพราะเกิดจากความพึงพอใจระหว่างคนขายคนซื้อ และเครดิตของร้านค้า
              7.น้ำหนัก ใช้เทียบไม่ได้ เพราะแก้วบางชนิดมีน้ำหนักใกล้เคียงกับหินสีของแท้
              8.วิธีสุดท้ายที่ง่ายที่สุด สำหรับการแยกหินสีแท้กับพลาสติก คือ การนำไปเผาไฟ แต่อาจไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ค้า
              "กำไลหินสีนำโชค" ที่ไม่ว่าจะหญิงหรือชายต่างต้องไปเสาะแสวงหามาประดับไว้บนข้อมือ ด้วยความสวยงามสีสันแปลกตา สำหรับใครที่หาซื้อควรมีสติและหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อ โดยเฉพาะหินที่มีราคาแพงมากๆ ต้องพิจารณาให้รอบคอบด้วยว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ หินนําโชค เป็นหินมงคล เสริมดวง โดย หินนำโชค แต่ละสีความหมายของหินสี จะแตกต่างกันในเรื่องเสริมดวง การงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ หินสี เป็นต้น

 ที่มา

               http://www.manager.co.th/Science

              http://horoscope.kapook.com/view107694.html

              http://www.manager.co.th/Daily

              http://www.mglobemall.com/

 

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

IS2

IS2 การสื่อสารและการนำเสนอ


IS2 การสื่อสารและการนำเสนอ
************************************************


การวัดผลประเมินผลวิชาIS2
หัวข้อประเด็น IS2 นำเสนอ2.2562
- IS2_สมุดบันทึกการเรียนรู้นร.2
- IS2_สมุดบันทึกการเรียนรู้นร.2ปก
กลุ่มผลการศึกษาค้นคว้าและสร้างองค์ความรู้  
แบบฟอร์มเอกสารงาน IS .Doc
- Youtube

Playlist https://www.youtube.com/watch?list=PLNMDRXKhHRizPU2cicQzk-uB-Ra4BBQfa&v=9fo87SR7M_s&feature=emb_title
*************************************************************
นำองค์ความรู้ไปใช้บริการสังคม IS3






วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

ESS1 มารู้จักโลกทั้งระบบ

หน่วยที่ 1 มารู้จักโลกทั้งระบบ
PPT_หน่วย 1 มารู้จักโลกทั้งระบบ
กิจกรรม1 องค์ประกอบหลักของโลกกิจกรรม2 สำรวจสิ่งแวดล้อม
กิจกรรม3 ข่าวสารสิ่งแวดล้อม

วิทยาศาสตร์โลกทั้งระบบ



ภาวะโลกร้อน

วันเสาร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

parallax


การวัดระยะห่างของวัตถุ
วัตถุที่อยู่ใกล้โลก เช่น ดวงจันทร์ วัดโดยการใช้แสงเลเซอร์ ยิงไปบนดวงจันทร์ ซึ่งบนดวงจันทร์ มีกระจกสะท้อนแสงเลเซอร์ สะท้อนแสงกลับมายังกล้องโทรทรรศน์บนโลก
            ดาวเคราะห์อื่นๆ ใช้วิธีส่งสัญญาณเรดาร์ไปยังดาวเคราะห์  และให้ดาวเคราะห์สะท้อนสัญญาณกลับมา
วิธีแพรัลแลกซ์จึงใช้กับดาวฤกษ์ที่อยู่ห่างไม่เกิน 100 พาร์เซก

ดาวฤกษ์ ที่อยู่ไกลกว่า 1,000 พาร์เสค ใช้วิธีดูสเปกตรัม เรียกว่าการใช้ แพรัลแลกซ์ เชิงสเปกตรัม (spectroscopic parallax) 

การหาระยะห่างของวัตถุ  ด้วยวิธีแพรัลแลกซ์
       แพรัลแลกซ์ (Parallax) เป็นการวัดระยะห่างระหว่างวัตถุ โดยใช้หลักการของสามเหลี่ยมคล้าย 
แพรัลแลกซ์ ใช้หลักของการเปลี่ยนตำแหน่งของผู้สังเกต
      การเห็นดาวฤกษ์เปลี่ยนตำแหน่ง เมื่อสังเกตจากโลกในเวลาที่ห่างกัน 6 เดือน เพราะจุดสังเกต ดาวฤกษ์ทั้ง 2 ครั้งอยู่ห่างกันเป็นระยะทาง 2 เท่าของระยะทางระหว่างโลกและดวงอาทิตย์ (ดวงอาทิตย์อยู่ห่างจากโลก 8.3 นาทีแสง หรือประมาณ 150 ล้านกิโลเมตร หรือ 1 หน่วยดาราศาสตร์)
      ยกตัวอย่าง เราลองยกนิ้วหัวแม่มือ ชูขึ้นไปข้างหน้า แล้วหลับตามองนิ้วหัวแม่มือนั้นที่ละข้าง เราจะเห็นว่าตำแหน่งของนิ้วหัวแม่มือเรา เปลี่ยนแปลงไป เมื่อเทียบกับ
ฉาก
หลังที่อยู่ไกลกว่า  มุมที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนตำแหน่งนี้เราเรียกว่า  มุมพารัลแลกซ์

(เพิ่มเติมที่Lesa.biz , Narit.or.th )








สูตร การหาระยะทางด้วยมุมแพรัลแลกซ์

                   d = 1/p    

 d =  ระยะทางถึงดวงดาว (distance) หน่วยเป็นพาร์เสค (pc) 
 p =  มุมแพรัลแลกซ์ (parallax angle) หน่วยเป็นฟิลิบดา (arc second)
โดยที่ 1 องศา = 60 ลิบดา (arc minute), 1 ลิบดา = 60 ฟิลิบดา (arc second)

ตัวอย่าง  ดาวหัวใจสิงห์ (Regulus) ในกลุ่มดาวสิงโต มีมุมแพรัลแลกซ์ 0.04 ฟิลิบดา  มีระยะทางห่างจากโลกเท่าไร  (1 พาร์เซก = 3.26 ปีแสง)

                                    d  = 1/p = 1/(0.04) ฟิลิบดา     
                                        = 25 พาร์เซก
                                        = 25 x 3.26 = 81.5 ปีแสง

ตัวอย่าง
ดาวไรเจลมีแพรัลแลกซ์ 0.25 ฟิลิปดา ดาวไรเจลจะอยู่ห่างจากโลกกี่ปีแสง 
                                       d  = 1/p = 1/(0.25) ฟิลิบดา     
                                        = 4 พาร์เซก
                                        = 4 x 3.26 = 13.04 ปีแสง



กิจกรรมเพื่อให้เข้าใจการหาระยะห่างของวัตถุ  ด้วยวิธีแพรัลแลกซ์




วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2562

earth

โครงสร้างโลก

        สสารต่างๆภายในโครงสร้างโลก ประกอบไปด้วยหิน และแร่ธาตุต่างๆ  มีสถานะทั้งเป็นของแข็งและของเหลว   และในโลกเรามีหินหนืดที่อยู่ภายในโลก  มีการเคลื่อนหมุนวนด้วยการพาความร้อน    ที่ทำให้แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนที่และดันตัวกัน  ก่อให้เกิดเหตุการณ์และลักษณะทางธรณีวิทยาต่างๆในโลก  อย่างเช่น เหตุการณ์แผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิก เกิดลักษณะทางธรณีวิทยา ภูเขา  หุบเขาและที่ราบ  ในส่วนของเปลือกโลกและผิวโลกมีการเปลี่ยนแปลงเกิดการหมุนเวียนของแร่ ธาตุ  เกิดหิน ดินและแร่ธาตุในผิวโลก  เกิดการการผุพังของหินเปลือกโลก  เนื่องจากปัจจัยต่างๆเข้ามาเกี่ยวข้อง  เช่นแรงโน้มถ่วง  การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ  ความชื้น อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมและมนุษย์ก็มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงนี้     
         ในการศึกษาการแบ่งโครงสร้างโลก    สามารถแบ่งโครงสร้างโลกตามลักษณะทางกายภาพและตามองค์ประกอบทางเคมี  ได้ดังต่อไปนี้  อ้างอิงจากwww.lesa.biz สามารถศึกษาได้จากลิงค์ดังต่อไปนี้ 

เรียนรู้เบื้องต้นการแบ่งโครงสร้างโลกตามองค์ประกอบทางเคมี  โดยศึกษาจากองค์ประกอบทางเคมีของหินและสารต่างๆ ที่อยู่ภายในโครงสร้างโลก    สามารถแบ่งชั้นโครงสร้างโลกได้ดังนี 

      1. ชั้นเปลือกโลก (Crust)  เป็นเสมือนผิวด้านนอกที่ปกคลุมโลก  แบ่งออกได้เป็น 2 บริเวณ  คือเปลือกโลกภาคพื้นทวีป  หมายถึง ส่วนที่เป็นแผ่นดินทั้งหมด ประกอบด้วยธาตุซิลิคอน (Si) และอะลูมิเนียม (Al) เป็นส่วนใหญ่  และเปลือกโลกใต้มหาสมุทร  หมายถึงเปลือกโลกส่วนที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำ  ประกอบด้วยธาตุซิลิคอน (Si) และแมกนีเซียม (Mg) เป็นส่วนใหญ่  มีความลึกตั้งแต่ 5 กิโลเมตร  ในส่วนที่อยู่ใต้มหาสมุทรไปจนถึง 70 กิโลเมตร ในบริเวณที่อยู่ใต้เทือกเขาสูงใหญ่

      2. ชั้นเนื้อโลก (Mantle)  เป็นชั้นที่อยู่ถัดลงไปจากชั้นเปลือกโลก  ส่วนมากเป็นของแข็ง  มีความลึกประมาณ 2,900 กิโลเมตร นับจากฐานล่างสุดของเปลือกโลกจนถึงตอนบนของแก่นโลก  ชั้นเนื้อโลกส่วนบนเป็นหินที่เย็นตัวแล้วและบางส่วนมีรอยแตกเนื่องจากความเปราะ  ชั้นเนื้อโลกส่วน   กับชั้นเปลือกโลก รวมตัวกันเรียกว่า  “ธรณีภาค” (Lithosphere) ซึ่งมาจากรากศัพท์ภาษากรีก แปลว่าชั้นหิน ชั้นธรณีภาคมีความหนาประมาณ 100 กิโลเมตรนับจากผิวโลกลงไปชั้นเนื้อโลกถัดลงไปที่ความลึก 100 – 350  กิโลเมตร  เรียกว่าชั้นฐานธรณีภาค (Asthenosphere) เป็นชั้นของหินหลอมละลายร้อนหรือ หินหนืดที่เรียกว่า แมกมาซึ่งหมุนวนอยู่ภายในโลกอย่างช้า ๆ  ชั้นเนื้อโลกที่อยู่ถัดลงไปอีกเป็นชั้นล่างสุดอยู่ที่ความลึกตั้งแต่ 350 – 2,900 กิโลเมตร  เป็นชั้นที่เป็นของแข็งร้อนแต่แน่นและหนืดกว่า  ตอนบนมีอุณหภูมิสูง ตั้งแต่ประมาณ 2,250 – 4,500 ๐C

     3. ชั้นแก่นโลก (Core)  อยู่ในระดับความลึกจากผิวโลกประมาณ  2,900 กิโลเมตร ลงไป  แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ แก่นโลกชั้นนอกมีความหนาตั้งแต่ 2,900 – 5,100 กิโลเมตร  เชื่อกันว่าชั้นนี้ประกอบด้วยสารเหลวของโลหะเหล็กและนิเกิลเป็นส่วนใหญ่และมีความร้อนสูงมาก  ต่อเนื่องจากแก่นโลกชั้นนอกลงไปเป็นแก่นโลกชั้นนอกแต่อยู่ในสภาพของแข็งเนื่องจาก มีความดันและอุณหภูมิสูงมาก อาจสูงถึง 6,000 ๐C


    จะเห็นได้ว่าชั้นต่างๆ ของโลกมีลักษณะและสมบัติที่แตกต่างกัน ทั้งทางด้านกายภาพและองค์ประกอบทางเคมี   โครงสร้างและองค์ประกอบทางเคมีภายในโลกดังกล่าว    มีอิทธิพลและเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แตกต่างกัน ตามที่กล่าวมาเช่นแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด สึนามิ และลักษณะทางสัณฐานทางธรณีวิทยาอื่นๆในโลก

ศึกษาเพิ่มYoutube 


โครงสร้างโลก - ดร.พรเทพ จันทราอุกฤษฎ์

สืบค้นและอธิบายหลักการในการแบ่งโครงสร้างโลก



จุดประสงค์การเรียนรู้
 1. เพื่อให้ผู้เรียนมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับโครงสร้างภายในโลก ได้แก่ แก่นโลก เนื้อโลก และเปลือกโลก และองค์ประกอบทัง้กายภาพและเคมีของวัสดุภายในโลก
 2. เพื่อให้ผู้เรียนสามารถอธิบายโครงสร้างและปรากฏการณ์ภายในโลกได้
  จัดทำโดย :   ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นภดล ม่วงน้อยเจริญ
 ภาควิชาธรณีวิทยา  คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย











โครงสร้างโลก
https://www.youtube.com/playlist?list=PLNMDRXKhHRixk3lvKGl6_2kCjTZz0wo6M


คำแนะนำในการเรียนรู้
แหล่งอ้างอิง

จัดทำโดย.... วีระชัย  จันทร์สุข

วันศุกร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

Best science apps


Best science apps
   โหลดโปรแกรมApps เตรียมตัวล่วงหน้า
Kahoot.com , Quizizz.com
ตารางธาตุ Periodic Table,
ตารางไฟลัม, HudsonAlpha iCell
iPhysics , Compass, NASA,  Star chart,
IPST SciM1, AR สสวท.วิทย์มัธยมต้น
Khan Academy
คณิตคิดเร็ว, เด็กดี TCAS
** หมายเหตุ   โทรศัพท์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ผู้ติดตาม