หินสีนำโชค
จากความเชื่อสมัยโบราณกลายมาเป็นกระแสอีกครั้ง
เมื่อเหล่าดาราดังสวมใส่ ยิ่งทำให้ขายดิบขายดี แล้วแบบไหนคือของแท้
และจะมั่นใจได้อย่างไรว่ามีพลังเสริมดวงชะตาได้จริงๆ !
เรื่องราวของ หินสีนำโชค ศาสตร์ของจีนโบราณ
มีการใช้หินเพื่อการบำบัดโรคมานานแล้ว ในอียิปต์โบราณ กรีก
และประเทศในเอเชียตะวันออกหลายแห่ง ก็มีหลักฐานแสดงถึงการนำหินมาใช้ในการรักษาโรค
โดยมีหลักฐานเก่าแก่ที่กล่าวอ้างถึงการรักษาสุขภาพ
ปรากฏอยู่บนกระดาษปาปิรุสของอียิปต์ที่มีอายุราว 1,500 ปีก่อนคริสตกาล
โดยเขียนถึงการรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นมีวิธีการใช้หินและรัตนชาติเพื่อการบำบัดอยู่ด้วย
รวมทั้งการใช้หินเป็นส่วนประกอบสำคัญของเครื่องสำอาง อย่างเช่น
พระนางคลีโอพัตราที่นิยมนำหินสีเขียวมาบดละเอียดทำเครื่องสำอางเปลือกหิน เป็นต้น
ส่วนชาวตะวันตกเมื่อพูดถึง "หิน" จะหมายรวมไปถึงเพชรด้วย แต่คนไทยมักจะแบ่งลักษณะความมีค่าเป็นหินรัตนชาติและความนิยม
ความนิยมของหินจะขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละประเทศ เช่น ประเทศเปรู
จะนิยมหินสีดำที่ได้จากพื้นดินที่ดำสนิทเท่านั้น
ซึ่งหมายถึงความมั่นคงของประเทศชาติ ลักษณะของหินที่ว่าจะคล้ายกับหินภูเขาไฟ
ยิ่งมีรูพรุน มีการกัดเซาะของน้ำและลม ยิ่งสื่อถึงความแข็งแกร่งของวัฒนธรรมของเขา
ส่วนใหญ่จะใช้ในการรักษาโรค รวมทั้งเป็นเครื่องประดับ หรือในมลรัฐอริโซนา
ประเทศสหรัฐอเมริกา จะมองว่าเทอร์คอยซ์เป็นผืนฟ้าของเขา จึงนับถือเป็นที่สุด
ในโบราณกาล "หิน" เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงสถานภาพของผู้สวมใส่ว่าอยู่ในระดับใด
อย่างที่ประเทศธิเบต จะมีหินอยู่ 3 ชนิดที่ใครมีไว้ในครอบครอง
จะหมายถึงการเป็นผู้ที่มีสถานภาพทางสังคมที่สูง (ในระดับเสนาบดีขึ้นไป) หินทั้ง 3
ชนิดนี้คือ เทอคอยซ์ อำพัน และปะการัง
ในวันที่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เสด็จมาเยือนประเทศไทย
จะเห็นว่าแม้แต่พระราชินีของภูฏานก็จะสวมหินทั้งสามชนิดนี้ ในประเทศไทยเอง
เมื่อก่อนก็นิยมเครื่องประดับอัญมณีที่เรียกว่า "นพเก้า" ประกอบด้วย เพชร ทับทิม มรกต บุษราคัม โกเมน
นิล มุกดา เพทาย และไพฑูรย์ มาทำเป็นหัวแหวน จี้สร้อยคอ
สร้อยข้อมือ และต่างหู สวมใส่กันเป็นชุดใหญ่
สีของหินเกิดจากอะไร?
“ขึ้นชื่อว่าหินสี
เรื่องสีจึงเป็นสิ่งสำคัญแต่หินแบบที่ใสไม่มีสีก็มี
สีที่แตกต่างกันของหินเกิดจากสีในแร่ที่แตกต่างกัน
โดยธาตุให้สีอาจเป็นองค์ประกอบในสูตรเคมีของแร่
ถ้าเป็นแร่ชนิดเดียวกันจะทำให้เกิดสีสันสวยงามที่ความเข้มระดับแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปริมาณแร่สี
แต่ถ้าเกิดแร่นั้นเข้าไปอยู่กับเนื้อหินหรือเนื้อแร่ที่เป็นคนละชนิดกัน
แร่นั้นจะถูกเรียกว่า "มลทิน" หรือขยะที่อยู่ในหิน
ซึ่งพวกเรามักรู้จักกันดีในชื่อของ “ไหมทอง” ที่เกิดจากแร่รูไทล์เข้าไปอยู่ในแร่ควอตซ์เกิดเป็นเส้นสีทองสวยงาม
สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหินบางประเภทได้
ทั้งที่ความจริงแล้วเราเรียกว่ามันว่าสิ่งสกปรก"
วิธีแยกหินสีของจริง-ของปลอม
หินสีที่มีอยู่ในท้องตลาดขณะนี้ มีทั้งหินสีธรรมชาติที่เป็นของจริง
หินสีปลอมที่ทำจากแก้ว เรซิ่น และพลาสติก ซึ่งมีวิธีเบื้องต้นสำหรับตรวจสอบดังนี้
1.ใช้ลูปส่องพระ ขนาดกำลังขยาย 10
เท่าส่องเข้าไปที่เม็ดหิน หากเป็นหินปลอมที่ทำขึ้นจากแก้วหรือเรซิ่น
ภายในจะเต็มไปด้วยฟองอากาศขนาดเล็กเต็มไปหมด
ที่เกิดจากกระบวนการหล่อของโรงงานที่สามารถยืนยันได้ทันทีว่าหินนี้เป็นของปลอม
2.เมื่อนำไปตากแดดแล้วนำมาสัมผัส
หรือนำมาอังไว้ที่แก้ม หินสีธรรมชาติจะยังคงความเย็นอยู่
ในขณะที่แก้วหรือเรซิ่นจะร้อน เพราะมีคุณสมบัติในการดูดความร้อน
3.ดูเส้นไหล
หินปลอมจากพลาสติกหรือแก้วจะมีเส้นไหล
ที่มีลักษณะเหมือนเป็นลายน้ำเชื่อมที่เกิดจากการหลอมของพลาสติก
ซึ่งจะไม่พบในหินแท้จากธรรมชาติ
4.ดูแนวเชื่อม
ถ้าหากมีแนวเชื่อมของเม็ดหินแสดงว่าเป็นหินปลอมที่เกิดจากเครื่องหล่อที่ไม่มีประสิทธิภาพ
5.ดูลวดลาย
หากลวดลายหรือตำหนิบนหินมีลักษณะเหมือนๆ กัน หรือตรงกันทุกจุด
ก็สันนิษฐานได้ทันทีว่ามาจากโรงงาน เพราะหินในธรรมชาติแทบจะไม่มีก้อนไหนเลยที่มีลักษณะเหมือนกัน
6.ราคาอาจใช้เทียบไม่ได้
เพราะเกิดจากความพึงพอใจระหว่างคนขายคนซื้อ และเครดิตของร้านค้า
7.น้ำหนัก ใช้เทียบไม่ได้
เพราะแก้วบางชนิดมีน้ำหนักใกล้เคียงกับหินสีของแท้
8.วิธีสุดท้ายที่ง่ายที่สุด
สำหรับการแยกหินสีแท้กับพลาสติก คือ การนำไปเผาไฟ
แต่อาจไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ค้า
"กำไลหินสีนำโชค"
ที่ไม่ว่าจะหญิงหรือชายต่างต้องไปเสาะแสวงหามาประดับไว้บนข้อมือ
ด้วยความสวยงามสีสันแปลกตา สำหรับใครที่หาซื้อควรมีสติและหาข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนซื้อ
โดยเฉพาะหินที่มีราคาแพงมากๆ ต้องพิจารณาให้รอบคอบด้วยว่าสมเหตุสมผลหรือไม่ หินนําโชค เป็นหินมงคล เสริมดวง โดย หินนำโชค แต่ละสีความหมายของหินสี
จะแตกต่างกันในเรื่องเสริมดวง การงาน การเงิน ความรัก สุขภาพ หินสี เป็นต้น
ที่มา
http://www.manager.co.th/Science
http://horoscope.kapook.com/view107694.html
http://www.manager.co.th/Daily
http://www.mglobemall.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น